ตติยวรรคที่ 3
1. มาตุคามสูตร
ว่าด้วยมาตุคามเป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรม
[565] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า. . . ได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความ
สรรเสริญ ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรม
อันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า.
[566] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มาตุตามคนเดียวย่อมไม่อาจย่ำยีจิต
ของภิกษุรูปหนึ่งได้ แต่ลาภสักการะและความสรรเสริญย่อมอาจย่ำยีจิตได้
ฯ ล ฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความสรรเสริญ ทารุณ
ฯ ล ฯ อย่างนี้แล เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ.
จบมาตุคามสูตรที่ 1
ตติยวรรคที่ 3
อรรถกถามาตุคามสูตรที่ 1
พึงทราบวินิจฉัยในมาตุคามสูตรที่ 1 แห่งวรรคที่ 3 ดังต่อไปนี้.
บทว่า น ตสฺส ภิกฺขเว มาตุคาโม ความว่า ลาภสักการะและ
ความสรรเสริญย่ำยีจิตของภิกษุใดได้ มาตุคามแม้มีความต้องการด้วยธรรม
ไม่สามารถจะย่ำยีของภิกษุแต่ละรูปผู้นั่งอยู่ในที่ลับนั้นได้.
จบอรรถกถามาตุคามสูตรที่ 1
2. ชนปทกัลยาณีสูตร
ว่าด้วยนางงามประจำชนบท
[567] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า. . . ได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความ
สรรเสริญ ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรม
อันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า.
[568] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นางงามประจำบทคนเดียว ย่อม
ไม่อาจย่ำยีจิตของภิกษุรูปหนึ่งได้ แต่ลาภสักการะและความสรรเสริญ ย่อม
อาจย่ำยีได้ ฯ ล ฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความสรรเสริญ
ฯ ล ฯ ทารุณอย่างนี้แล เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ.
จบชนปทกัลยาณีสูตรที่ 2
อรรถกถาชนปทกัลยาณีสูตรที่ 2
ชนปทกัลยาณีสูตรที่ 2 ง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาชนปทกัลยาณีสูตรที่ 2